ครบรอบหนึ่งปีที่่เข้าโรงพยาบาล
วันนี้เป็นวันที่ 20 ธันวาเมื่อปีที่แล้ววันนี้ผมต้องเข้าโรงบาล
อาการหนักมาก
เพราะกระดูกต้นคอเคลื่อน
ไปทับเส้นประสาททำให้
อ่อนแรงไปทั้งตัวเลย
ตอนนั้นเครียดและคิดมาก
คิดว่าอนาคตคงไม่มีแล้ว
สงสัยต้องนอนบนเตียงไปตลอดชีวิต
ในที่สุดก็เกิดสิ่งดีๆขึ้น
คือผมรอด
ตอนนี้ขอรำรึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น
มันทำให้ผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
เข้มแข็งขึ้น
ขอขอบคุณกาลเวลา
ตอนนี้ผมผ่านจุดนั้นมาได้
ผมโชคดีมากๆ
ขอให้กำลังใจกับทุกคนที่กำลังท้อแท้ใจอยู่
ชอให้ทุกท่านผ่านจุดนั้นไปให้ได้น่ะครับ
ผมเป็นกำลังใจให้ครับ
เมื่อไปถึงวันแรกได้นอนถ่วงน้ำหนักไว้ 7 กิโลครับ
นอนถ่วงแบบนี้ไปอาทิตย์กว่าจากนั้นก็โดนแบบนี้
โดนเหล็กหนีบหัวไว้ครับแบบนี้เกือบเดือนอัันนี้ถ่วงไว้ 5 โลครับแต่ไม่ทรมาณน่ะ
แบบแรกทรมาณกว่าครับ
ภาพอาจจะดูโหดไปหน่อยน่ะ
แต่ขออธิบายก็มันเป็นเหล็กแหลมๆจากนั้นหมอก็จะฉีดยาชา
เสร็จแล้วก็เหมือนขันน๊อตเลยครับทรมาณแปปเดียว
ความรู้สึกเหมือนหัวโดนบีบ
ต้องนอนบนเตียงตลอดเลยเดือนกว่า
จากนั้นก็ได้เข้าไปผ่าตัดครับ
โดยเอากระดูกตรงสะโพกไปดามกระดูกต้นคอที่ทันเคลื่อน
โดนหมดผ่าตรงท้านทอยเลย
จากนั้นก็เข้าไปผ่าตัดครับ
ฟื้นตัวเร็วมากทำกายภาพนานเหมือนกันกว่าจะเป็นปกติ
ตอนแรกท้อมากครับคุณแม่กับคนที่บ้านมาเยี่ยมตลอดเลย
บ้านผมอยู่เชียงรายน่ะต้องไปผ่าที่เชียงใหม่
เพราะปรึกษาหมอที่เชียงรายแล้ว
โรงพยาบาลเชียงรายอุปกรณ์เครื่องมือไม่พร้อม
เลยต้องไปเชียงใหม่
เคยท้อท้อมากจนร้องให้ออกมาเลย
ตอนไปนอนเจอผู้คนหลายหลายคน
แต่ละคนป่วยไม่เหมือนกัน
บางคนอาการหนักมากหนักกว่าเราอีก
เราก็ยังคิดได้
มีคนอายุเท่าเดียวกับผมนี่แหละ
เค๊าเป็นเด็กแว้นครับ
ขับรถไปชนคราวนี้ขาหักแต่ว่าหมอไม่รู้
ว่าเส้นเลือดเขาขาดด้วย
เลยส่งตัวมาที่เชียงใหม่แต่สายไปแล้ว
เขาต้องโดนตัดขาทิ้ง
ซึ่งถ้าเป็นผมผมคงทำใจลำบากเกมือนกัน
แต่เขาดูเข้มแข็งน่ะ
แม่ผมไปเฝ้าผมตลอดเลยที่โรงบาลจะไม่ได้เจอกันก็ตอนนอน
เพราะที่โรงบาลไม่ให้ญาตินอนเฝ้า
วันที่ผมผ่าตัดคุณแม่ก็ไปเฝ้าผมทั้งคืนเลย
เพราะผมใส่ท่อช่วยหายใจเลยพูดไม่ได้
แม่เลยเฝ้าทั้งคืนเลย
เมื่อผ่าแล้วก็ได้ใส่เสื้อเกราะแบบนี้ครับ
รูปนี้เอาเหล้กหนีบหัวออกแล้ว
เคยคิดกับแม่ว่าเอาออก
หัวลูกจะเป็นรูหรือเปล่าแต่ไม่น่ะมันไม่เป็นรูน่ะ 555+
แผลหายเร็วมากตอนนี้้เหลือร่องรอยเป็นจุดเล็กๆเท่านั้นเองครับ
ไม่คิดมากครับ
ใส่แล้วทรมาณตอนแรกกินข้าวลำบากครับ
ลองคิดดูนอนบนเตียงเดือนกว่ากล้ามเนื้อหายไปหมดเลย
น้ำหนักจาก 50 กว่าโลเหลือ
32 กิโลเองตอนชั่งน้ำหนักพยาบาลพนันกัน
ว่าน้ำหนักผมเหลือเท่าไหร่
มีคนทายถูกด้วยน่ะครับ
ความรู้สุกเมื่อยืนครั้งแรกเหมือนโดนดึงลงพื้นเลยครับ
รู้สึกตัวเองหนักมากหนักโครตๆเลยๆ
แต่ก็ฝื้นตัวเร็ว
จากแขนขาอ่อนแรงตอนนี้เกือบปกติแล้วครับ
ใส่เสื่อเกราะไปเดือนกว่าเลยมาพักฟื้นที่บ้านครับ
ตอนนี้เกือบปกติละ
ลำบากตอนจะลุกจะนั่งครับ
ยังไงใครที่ท้ออยู่ขอให้มีกำลังใจมากๆน่ะครับ
ผมเองเป็นกำลังใจให้คุณทุกท่่านครับ
edit @ 20 Dec 2009 19:23:05 by ( kittiphum ) KotzZ
edit @ 20 Dec 2009 19:30:49 by ( kittiphum ) KotzZ
edit @ 4 Jun 2011 19:12:38 by ( kittiphum ) KotzZ
สู้ๆนะครับ
ตอบลบคุณเป็นคนที่โชคดี และเข้มแข็งมาก และที่สำคัญครอบครัวคุณดีเป็นกำลังใจให้ตลอดไม่ห่างหายไปไหนเลย ขอเป็นกำลังใจให้ต่อสู้กับโรคที่เป็นอย่างเข้มแข็งและคิดเสมอว่า มันต้องผ่านไปให้ได้ค่ะแม้บางอย่างอาจต้องใช้เวลาบ้าง นั่นถือเป็นเรื่องท้าทายและเมื่อเราผ่านพ้นมันไปได้นั่นหมายถึง เราแข็งแกร่งและมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมค่ะ
ตอบลบ